สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "ชอนบุค 2 - 0 บุรีรัมย์: ปราสาทต้านไม่อยู่ตกรอบ 16 ทีม ACL". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์ 2- 1 ราชบุรี: ปราสาทประเดิมชัยไทยลีก 2018". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์ฯ 2-0 โปลิศ เทโร: 'ปราสาทสายฟ้า' เข้าป้ายแชมป์ลีกหลังคว้าชัยเหนือมังกรโล่เงิน". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "'บุรีรัมย์' พ่าย 'บางกอกกล๊าส เอฟซี' 1-2 ชวดเข้าชิงลีกคัพ".
และ แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2557 พร้อมกับจบที่อันดับ 1 ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2557 ฤดูกาล 2558: คว้าแชมป์ห้ารายการ[แก้] สนามศุภชลาศัยเป็นสนามแข่งขันที่บุรีรัมย์คว้าแชมป์ถึง 4 รายการ (ถ้วย ก., ลีกคัพ, แม่โขง และเอฟเอคัพ) ในปี 2558 ถือเป็นปีทองของทัพ ปราสาทสายฟ้า เมื่อสามารถคว้าแชมป์มาประดับตู้โชว์ได้ถึง 5 รายการ แม้ว่าจะตกรอบแบ่งกลุ่มของศึกเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกก็ตาม ซึ่งก่อนที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มต้น ปราสาทสายฟ้า เสริมทัพนักเตะเข้าสู่ทีมหลายราย ไม่ว่าจะเป็น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, กรวิทย์ นามวิเศษ, นฤพล อารมณ์สวะ, โก ซุล-กิ, กิลแบร์โต มาเชนา, ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ซึ่งถือว่าเป็นขุมกำลังของทีมในฤดูกาล 2558 เปิดฉากความยิ่งใหญ่ด้วยแชมป์แรก ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก.
↑ "เทรเบิ้ลแชมป์! บุรีรัมย์ ซิวถ้วยรีโว่ ลีกคัพ สมัย 6". สืบค้นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2022. ↑ "ยลโฉมสนามไอ-โมบาย สเตเดียม อลังการมาตรฐานสุดจะบรรยาย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2012-10-02. ↑ "ปลดล็อก! คลีตันเบิ้ลนำกิเลนผยองบุกอัดบุรีรัมย์3-0". สยามกีฬา. 27 เมษายน 2559. สืบค้นเมื่อ 24 กรกฎาคม 2559. ↑ King, Ian; Schöggl, Hans; Stokkermans, Karel (20 มีนาคม 2014). "Thailand – List of Champions". RSSSF. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2014. Select link to season required from chronological list. ↑ "ก้าวสำคัญ! บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จับมือ ดอร์ทมุนด์ สู่การเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพระดับโลก". Butitam United.
FourFourTwo. 3 สิงหาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2561. ↑ "ฝันสลาย! "บุรีรัมย์-บีจี"หมดลุ้น"ACL"หลังกิเลนร่วงช้างเอฟเอคัพ". Goal Thailand. 21 กันยายน 2559. สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2561. ↑ ""ปฏิบัติการทวงคืน-STRIKE BACK"บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเปิดตัวยิ่งใหญ่สู้ศึกฤดูกาลใหม่". ข่าวสด. คอม. 13 มกราคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. ↑ "ล้านช้าง 1 - 0 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: ปราสาทเสียท่านัดแรกศึกชิงแม่โขง". โฟร์โฟร์ทู. 4 มกราคม 2560.
ด้วยการเอาชนะ กระต่ายแก้ว บางกอกกล๊าส เอฟซี ไป 1-0 จากประตูชัยของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในนาทีที่ 56[21] เดินหน้าต่อกับแชมป์ที่ 2 โตโยต้า ลีกคัพ สมัย 4 สามารถเอาชนะ กูปรีอันตราย ศรีสะเกษ เอฟซี ที่เพิ่งเข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งแรก ไป 1-0 จากประตูชัยของ โก ซุล-กิ ในนาทีที่ 18[22] สานต่อความสำเร็จในปีนี้ ด้วยแชมป์ที่ 3 ไทยพรีเมียร์ลีก และเป็นแชมป์ไร้พ่ายอีกด้วย โดยไม่แพ้ใครตลอด 34 นัด ชนะ 25 นัด และเสมอไป 9 นัด ทำประตูได้ถึง 98 ลูก มากที่สุดในลีก และเสียไปเพียง 24 ประตู ซึ่งน้อยที่สุดในลีก แถมจบซีซั่นด้วยการมีแต้มมากกว่า กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมรองแชมป์ถึง 13 คะแนนเลยทีเดียว ซึ่งการคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ เป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกันของ ปราสาทสายฟ้า นอกจากนี้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ยังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปครอง หลังโชว์ฟอร์มสุดโหดเหี้ยม ซัดไป 33 ประตูอีกด้วย ส่วนคู่หู่ในแนวรุกของเขาอย่าง กิลแบร์โต มาเชนา ก็ยิงไป 21 ประตู ได้อันดับ 3 ขณะที่ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายทีมชาติไทย ก็ทำแอสซิสต์ ไป 19 ครั้ง ซึ่งสูงสุดในลีกปีนี้ ตามมาติด ๆ กับแชมป์ที่ 4 แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ ปราสาทสายฟ้า ในฐานะแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ พบกับ สิงห์ร้ายแห่งนครวัด เบิงเกต อังกอร์ ทีมชั้นนำแห่งศึกฟุตบอลลีกกัมพูชา ในศึกฟุตบอลแห่งศักดิ์ศรีเพื่อชิงความเป็นเจ้าสโมสรแห่งภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเอาชนะไปได้ 1-0 จากลูกจุดโทษของ อันเดรส ตุญเญซ ในนาทีที่ 67 ช่วยให้ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง[23] และปิดท้ายปี พ.
สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์ 0-2 เมืองทอง: ปราสาทตกรอบ 8 ทีมลีกคัพครั้งแรก". 11 ตุลาคม 2560. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-11. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. ↑ "เชียงราย 2 (8) -2 (7) บุรีรัมย์: กฎใหม่ใช้งานคุ้มกว่างฯแม่นโทษดับเซาะกราว". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ ""บุรีรัมย์" ทีมแรกจากไทยปักธงชัยที่เกาหลีใต้ACL". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์ 3-2 ชอนบุค: ปราสาทเปิดซิงทีมไทยชนะชอนบุค".
↑ "ราชบุรีน็อคบุรีรัมย์ 2-1 ผงาดชิงช้างเอฟเอคัพ". สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562. ↑ "'ประจวบ'ดวลเป้าโหด 9 คน ก่อนล้ม 'บุรีรัมย์' ซิวแชมป์ลีกคัพสมัยแรก". สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562. ↑ "ฉลอง10ปีจืด! 'บุรีรัมย์'วืดแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกใน9ปี". สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562. ↑ "บุรีรัมย์ ไม่พลาด เฉือนโฮจิมินห์ 2-1 ลิ่วชนเซี่ยงไฮ้ ลุ้นตั๋วรอบแบ่งกลุ่ม ACL". สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม 2563. ↑ "ไฮไลท์ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี 3-0 บุรีรัมย์, โดนรัวครึ่งหลัง พังตกรอบ-ในศึก ACL 2020 รอบเพลย์ออฟ". สืบค้นเมื่อ 28 มกราคม 2563. ↑ "บุรีรัมย์ แยกทาง "ตูเญซ" ปิดฉาก7ปี". สืบค้นเมื่อ December 2, 2021. ↑ ""ชลบุรี" เฉือน "บุรีรัมย์" 2-1 ทะลุชิง "ช้าง เอฟเอคัพ"".
2559 แฟนเพจอย่างเป็นทางการของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด [32] เปิดเผยแถลงข่าวการขาย ธีราทร บุญมาทัน ให้กับทีมร่วมลีกอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข้อเสนอซื้อจากหลายทีม หลังจบฤดูกาล 2559 ที่ไม่ค่อยสวยงาม ในไทยลีก ปราสาทสายฟ้า แข่งทั้งหมด 30 นัด มี 55 คะแนน ชนะ 15 เสมอ 10 แพ้ 5 อยู่อันดับที่ 4 ไม่สามารถไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2553[33] ส่วนในการแข่งขันฟุตบอล ในโตโยต้า ลีกคัพ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์ร่วมกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดย ปราสาทสายฟ้า เลือกลงแข่งขันแม่โขงคลับแชมเปียนชิพ ส่วนในช้าง เอฟเอคัพ ปราสาทสายฟ้า ยุติเส้นทางไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังบุกไปแพ้คู่ปรับตลอดกาลอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 3-1[34] และเมื่อเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แพ้ชลบุรี เอฟซี 3-0 จึงทำให้ไม่สามารถไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2553[35] 2560–2561: ทวงคืนแชมป์ลีกและสร้างสถิติใหม่สองปีซ้อน[แก้] ในเดือนมกราคม 2560 เนวิน ชิดชอบได้เปิดตัวสโมสรด้วยสโลแกน "สไตรค์แบ็ค" หรือทวงคืนทุกแชมป์[36] สโมสรประเดิมฤดูกาล 2560 ในรายการแม่โขงคลับแชมเปียนชิพ แม้ว่าในเลกแรกจะบุกไปแพ้ล้านช้าง ยูไนเต็ดที่ประเทศลาว 1–0[37] แต่ในเลกที่สอง บุรีรัมย์กลับมาเอาชนะไปได้ 2–0 นับผลประตูรวม 2–1 ทำให้ทีมป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ[38] ต่อมาในการแข่งขันรายการหลักอย่างไทยลีก บุรีรัมย์ประเดิมสนามได้ไม่ดีนัก พวกเขาต้องเปิดบ้านไล่ตามตีเสมอชลบุรี 2–2 หลังจากที่โดนนำ 0–2 ในครึ่งแรก แต่หลังจากนั้น ทีมไม่แพ้ใครใน 11 นัดแรก โดยหนึ่งในนั้นมีเกมที่บุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างเอสซีจี เมืองทองด้วยผล 2–0 จากประตูของฌาฌาและสุเชาว์ นุชนุ่ม[39] ทีมเก็บคะแนนอย่างต่อเนื่องจนสามารถทำคะแนนเทียบเท่าเมืองทองหลังจบเลกแรก โดยเป็นรองเพียงแค่ผลต่างประตูได้-เสีย อย่างไรก็ตาม รันกอ ปอปอวิช ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน[40] โดยมีโบซีดาร์ บันโดวิช เข้ามาคุมทีมต่อ[41] ในเลกที่สอง บุรีรัมย์ชนะถึง 16 นัดและเสมอเพียงนัดเดียวในการพบกับเมืองทอง พวกเขาคว้าแชมป์ไทยลีกอย่างเป็นทางการในเกมนัดที่ 32 ที่เปิดบ้านเอาชนะโปลิศ เทโร 4–0 และยังสามารถทำสถิติเก็บคะแนนในลีกมากที่สุดที่ 86 คะแนน หลังจากบุกไปชนะชลบุรี 2–1 ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล[42] อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย บุรีรัมย์ตกรอบก่อนรองชนะเลิศของทั้งโตโยต้า ลีกคัพ (แพ้เมืองทอง 0–2)[43] และช้าง เอฟเอคัพ (แพ้เชียงราย ยูไนเต็ด 1–0) บุรีรัมย์ประเดิมฤดูกาล 2561 ด้วยการแข่งขันไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ เป็นการพบกันระหว่างแชมป์ไทยลีก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และแชมป์เอฟเอคัพ สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ผลการแข่งขันในเวลาจบลงด้วยผลเสมอ 2–2 ก่อนที่บุรีรัมย์จะพ่ายจุดโทษ 7–8[44] ต่อมาในการแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก บุรีรัมย์อยู่ในกลุ่มจี ร่วมกับกว่างโจวเอเวอร์แกรนด์, เซเรซโซ โอซากะ และเชจูยูไนเต็ด ซึ่งบุรีรัมย์สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จหลังจากที่บุกไปเอาชนะเชจูยูไนเต็ด 1–0 ทำให้บุรีรัมย์เป็นสโมสรแรกจากไทยที่สามารถบุกไปเอาชนะสโมสรเกาหลีใต้ได้อีกด้วย[45] ต่อมาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย บุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์จากเกาหลีใต้ในเลกแรกไปได้ 3–2[46] ก่อนที่จะบุกไปแพ้ในเลกที่สอง 0–2[47] ทำให้บุรีรัมย์แพ้ด้วยผลประตูรวม 3–4 สิ้นสุดเส้นทางในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนในการแข่งขันไทยลีก บุรีรัมย์ประเดิมสนามด้วยการเอาชนะราชบุรี มิตรผลไปได้ 2–1[48] ทีมคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 6 ในเกมนัดที่ 31 ที่เปิดบ้านเอาชนะโปลิศ เทโรไปได้ 2–0[49] และในนัดสุดท้ายที่บุกไปชนะราชบุรี มิตรผล 1–0 นั้น บุรีรัมย์เก็บคะแนนในลีกมากที่สุดที่ 87 คะแนน ทำลายสถิติเดิมของตนเองเมื่อฤดูกาลที่แล้ว[2] แต่ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย บุรีรัมย์ตกรอบรองชนะเลิศของโตโยต้า ลีกคัพด้วยการพ่ายแพ้ต่อบางกอกกล๊าส 1–2 ที่สนามบุณยะจินดา[50] ส่วนในช้าง เอฟเอคัพ บุรีรัมย์ได้เข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อสิงห์เชียงราย 2–3 2562–2564: ไร้ความสำเร็จ[แก้] ป้ายโฆษณาชุดแข่งขันของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดประจำฤดูกาล 2562 ที่ช้างอารีนา ในฤดูกาล 2562 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประเดิมแชมป์ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพสมัยแรก ด้วยการล้างตาเอาชนะสิงห์เชียงราย 3–1[51] อย่างไรก็ตาม สโมสรทำผลงานในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกได้ไม่ดีนัก โดยเก็บได้เพียง 4 คะแนนจากการแข่ง 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแพ้คัดออกได้[52] เช่นเดียวกันกับในไทยลีกที่สโมสรก็ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีเช่นกัน พวกเขาต้องลุ้นแย่งแชมป์กับสิงห์เชียงราย และการท่าเรือจนถึงช่วงสุดท้ายของฤดูกาล และในเกมลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล บุรีรัมย์บุกไปเยือนเชียงใหม่ โดยในนัดนี้ ถ้าบุรีรัมย์ชนะ หรือ บุรีรัมย์ เสมอหรือแพ้ แล้วสิงห์เชียงรายไม่ชนะ บุรีรัมย์จะคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 7 ทันที แต่สุดท้าย บุรีรัมย์ทำได้เพียงเสมอเชียงใหม่ 1–1 ส่วน สิงห์เชียงราย บุกไปเอาชนะ สุพรรณบุรี 5–2 ทำให้ทั้งสองทีมมีคะแนนเท่ากัน แต่สิงห์ เชียงราย มีสถิติการพบกันตัวต่อตัว (เฮด-ทู-เฮด) เหนือกว่าบุรีรัมย์ ทำให้บุรีรัมย์พลาดการคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 7[53] ส่วนในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยในประเทศ บุรีรัมย์ตกรอบ ช้าง เอฟเอคัพ ด้วยการพ่ายแพ้ต่อ ราชบุรี มิตรผล ในรอบรองชนะเลิศ[54] และในโตโยต้า ลีกคัพ บุรีรัมย์เข้าชิงชนะเลิศกับ พีที ประจวบ ที่สนามกลางอย่างเอสซีจีสเตเดียม แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ในการยิงลูกโทษ[55] ทำให้ในฤดูกาลนั้น ถ้าไม่นับไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพแล้ว บุรีรัมย์ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลยแม้แต่รายการเดียว[56] ในฤดูกาล 2563 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประเดิมการแข่งขันในรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือกรอบสอง โดยพวกเขาสามารถเปิดบ้านเอาชนะนครโฮจิมินห์ไปได้ 2–1[57] แต่ในรอบเพลย์ออฟ พวกเขาบุกไปพ่ายเซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี 0–3 ทำให้ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้[58] ส่วนในลีก บุรีรัมย์ก็ทำผลงานได้ไม่ดีเช่นกัน พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 11 จาก 16 ทีม มีเพียง 4 คะแนนจากการลงเล่น 4 นัดก่อนพักลีกเนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19 อีกทั้งในช่วงพักลีก สโมสรได้ยกเลิกสัญญาผู้เล่นต่างชาติแทบทั้งหมด ซึ่งรวมถึงอันเดรส ตุญเญซ ผู้เล่นแนวรับที่ลงเล่นให้กับสโมสรมาตั้งแต่ฤดูกาล 2557[59] และเมื่อลีกกลับมาแข่งขันอีกได้ไม่กี่นัด โบซีดาร์ บันโดวิช ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนหลังจากที่คุมทีมเปิดบ้านแพ้นครราชสีมา มาสด้า 1–2 และอาเลชังดรี กามา ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรในช่วงปี 2557–2559 ได้กลับเข้ามาคุมทีมต่อ ทำให้บุรีรัมย์กลับมามีผลงานในลีกที่ดีขึ้น จากที่เคยอยู่อันดับที่ 12 ก็สามารถขึ้นมาจบอันดับที่ 2 หลังจบฤดูกาลได้ อย่างไรก็ตาม สโมสรตกรอบฟุตบอลถ้วยรายการสำคัญอย่างช้าง เอฟเอคัพด้วยการพ่ายแพ้ต่อชลบุรี 2–1 ในรอบรองชนะเลิศ[60] ทำให้บุรีรัมย์ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการหลักได้เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน 2564-ปัจจุบัน: กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ[แก้] ในฤดูกาล 2564–65 แม้ว่าสโมสรจะเริ่มต้นด้วยการทำผลงานในไทยลีกได้ดี โดยมีช่วงที่ชนะติดต่อกันถึง 6 นัด แต่พวกเขาก็มีสถิติที่ไม่ดีในการออกไปเยือนทีมใหญ่ด้วยกันเอง โดยในนัดที่ออกไปเยือนทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และชลบุรี ซึ่งเป็นคู่แข่งหัวตารางโดยตรง พวกเขาแพ้ทั้งสามนัดและยิงประตูไม่ได้เลย ทำให้สโมสรตัดสินใจแยกทางกับกามาหลังจบการแข่งขันนัดสุดท้ายของเลกแรกที่ทีมบุกไปเอาชนะลีโอ เชียงราย[61] โดยมีมาซาตาดะ อิชิอิ ผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่นที่เพิ่งแยกทางกับสมุทรปราการ ซิตี้ เข้ามาคุมทีมต่อ[62] นอกจากนี้ ธีราทร บุญมาทัน อดีตผู้เล่นของทีมและผู้เล่นชาวไทยคนแรกที่ชนะเลิศลีกสูงสุดของญี่ปุ่นกับโยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส ก็ได้ย้ายกลับมาเล่นให้แก่สโมสรในรอบ 5 ปีด้วย[63] สุดท้าย บุรีรัมย์กลับมาประสบความสำเร็จด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ในประเทศ ซึ่งประกอบด้วยไทยลีก เอฟเอคัพ และลีกคัพ[64][65][66] นับเป็นการคว้าทริปเปิลแชมป์ในประเทศครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ฤดูกาล 2558 สนาม[แก้] เขากระโดง สเตเดียม (2553–2554)[แก้] เขากระโดง สเตเดียม เป็นสนามเหย้าเดิมของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีความจุทั้งหมด 15, 000 ที่นั่ง สนามนี้เคยเป็นสนามขององค์การบริหารส่วนจังหวัด และถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้รองรับการใช้งานไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553 ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยย้ายไปสนามแห่งใหม่ของตัวเองซึ่งมีความจุ 32, 600 คน คือ สนาม นิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม ปัจจุบันก็ได้โอนสนามนี้ให้เป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์เหมือนเดิมและบริเวณที่ว่างข้างสนามได้สร้างศูนย์ราชการศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่ ช้างอารีนา (2554–ปัจจุบัน)[แก้] ดูบทความหลักที่: ช้างอารีนา ช้างอารีนา หรือชื่อที่ใช้ในการแข่งขันระดับทวีปว่า บุรีรัมย์ สเตเดียม (อังกฤษ: Chang ARENA, Buriram Stadium) ตั้งอยู่ที่ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ สนามแห่งนี้มีความจุ 35, 000 ที่นั่ง โครงสร้างประกอบด้วยเหล็กและไฟเบอร์ ซึ่งสร้างด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท โดยเป็นเงินสนับสนุนของไอ-โมบาย และบางส่วนของนายเนวิน ชิดชอบ และจัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า, เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ และยังผ่านมาตรฐานระดับเอคลาสสเตเดียมจากเอเอฟซี และยังผ่านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาสจากฟีฟ่า และยังได้บันทึกลงกินเนสบุค ว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน[67] ภาพพาโนรามาของช้างอารีนา สโมสรคู่ปรับ[แก้] เมืองทอง ยูไนเต็ด[แก้] ภายหลังจากที่เนวิน ชิดชอบซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บุรีรัมย์ได้กลายเป็นทีมชั้นนำและเป็นคู่แข่งในการแย่งแชมป์ไทยลีกกับเมืองทอง ยูไนเต็ดตั้งแต่ฤดูกาล 2553 ถึง 2560 โดยมีนัดการแข่งขันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญอยู่หลายนัด และการพบกันของทั้งคู่ได้รับความสนใจจากแฟนบอลเป็นอย่างมาก ก่อนฤดูกาล 2559 บุรีรัมย์มีสถิติที่ดีในการพบกับเมืองทองโดยพวกเขาไม่เคยแพ้เลย รวมถึงยังมีสถิติที่ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าคนสำคัญของเมืองทองไม่เคยยิงประตูใส่บุรีรัมย์ได้จนมีวลีที่กล่าวว่า "แพ้ใครแพ้ได้ แต่ไม่แพ้เมืองทอง" แต่ในการแข่งขันไทยลีก ฤดูกาล 2559 เลกแรก บุรีรัมย์ก็เสียสถิติไร้พ่ายนี้ เมื่อเมืองทอง ยูไนเต็ดสามารถบุกไปเอาชนะได้ 3-0 ซึ่งได้ 2 ประตูจากเคลย์ตง ซิลวา และอีก 1 ประตูจากอดิศักดิ์ ไกรษร ซึ่งเป็นอดีตผู้เล่นของบุรีรัมย์[68] หลังจากนั้นในฤดูกาลเดียวกัน บุรีรัมย์ก็แพ้ให้กับเมืองทองอีกสองนัด ได้แก่ เกมลีกเลกที่สองที่บุรีรัมย์บุกไปแพ้ 3–2 ซึ่งในนัดนั้นก็มีจังหวะจุดโทษที่เป็นปัญหาระหว่างจีโอกูและธีราทร บุญมาทัน และอีกนัดคือนัดที่บุรีรัมย์บุกแพ้ 3–1 ในการแข่งขันช้าง เอฟเอคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทำให้บุรีรัมย์พลาดโอกาสคว้าแชมป์ในรายการนี้ นอกจากนี้ ทั้งสองทีมยังได้เข้าชิงชนะเลิศโตโยต้า ลีกคัพ 2559 แต่การแข่งขันถูกยกเลิกเพื่อไว้อาลัยแด่การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของโตโยต้า ลีกคัพ 2560 และเป็นเมืองทองที่เป็นฝ่ายบุกชนะ 2–0 ซึ่งธีราทรสามารถยิงประตูใส่ทีมเก่าได้ ส่วนในไทยลีกฤดูกาลเดียวกันนั้น บุรีรัมย์ไม่แพ้ในการเจอกับเมืองทอง โดยในเลกแรก พวกเขาเป็นฝ่ายเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2–0 ยุติสถิติชนะรวด 15 นัดของเมืองทอง ส่วนในเลกที่สอง ก็เสมอกันที่ธันเดอร์โดมสเตเดียม 1–1 สถิติ[แก้] ผลงานตามฤดูกาลแข่งขัน[แก้] ฤดูกาล ลีก[69] เอฟเอคัพ ลีกคัพ โตโยต้าพรีเมียร์คัพ ควีนสคัพ ถ้วย ก/แชมเปียนส์คัพ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก เอเอฟซีคัพ อาเซียนคลับ แม่โขงคลับ ผู้ทำประตูสูงสุด ระดับลีก แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย แต้ม อันดับ ชื่อ ประตู 2547/48 TPL 18 9 5 4 23 19 32 2 – GR ศุภกิจ จินะใจ 10 2549 22 6 12 DQ 7 2550 30 13 3 14 35 40 42 8 ธนา ชะนะบุตร 2551 38 15 61 1 รณชัย รังสิโย 16 2552 37 41 36 R4 รอบน็อคเอ้าท์ RU QR1 สุริยา ดอมไธสง 2553 17 51 63 ไม่ได้เข้าร่วม สุเชาว์ นุชนุ่ม 11 2554 34 26 64 85 W แฟรงค์ โอฮานด์ซา 2555 60 54 แฟรงค์ โอโปคู 2556 0 73 78 QF การ์เมโล กอนซาเลซ 2557 69 79 คาเบียร์ ปาตีโญ 21 2558 25 98 24 84 ดิโอโก 33 2559 TL 55 อันเดรส ตุญเญซ 2560 T1 27 86 ฌาฌา 2561 28 76 SF R16 จีโอกู 2562 58 GS สุภโชค สารชาติ 2563–64 20 ยกเลิกการแข่งขัน PO 2564–65 48 62 ศุภชัย ใจเด็ด 2565–66 แชมเปียนส์ รองชนะเลิศ อันดับที่ 3 เลื่อนชั้น ตกชั้น กำลังแข่งขัน P = ผู้เล่น W = เกมที่ชนะ D = เกมที่เสมอ L = เกมที่แพ้ F = แต้มที่ได้ A = แต้มที่เสีย Pts = แต้ม Pos = อันดับล่าสุด TPL = ไทยพรีเมียร์ลีก T1 = ไทยลีก DQ = ถูกตัดสิทธิ์ QR1 = รอบคัดเลือกแรก QR2 = รอบคัดเลือกสอง QR3 = รอบคัดเลือกสาม QR4 = รอบคัดเลือกสี่ PO = รอบเพลย์ออฟ RInt = Intermediate Round R1 = รอบที่ 1 R2 = รอบที่ 2 R3 = รอบที่ 3 R4 = รอบที่ 4 R5 = รอบที่ 5 R6 = รอบที่ 6 GR = รอบแบ่งกลุ่ม R16 = รอบ 16 ทีม QF = รอบก่อนรองชนะเลิศ SF = รอบรองชนะเลิศ RU = รองชนะเลิศ S = ถูกแบ่ง W = ชนะเลิศ ผลงานระดับทวีป[แก้] การแข่งขัน รอบ คู่แข่ง เหย้า เยือน รวม รอบเพลย์ออฟ กองทัพสิงคโปร์ 1–4 (ต่อเวลา) กลุ่ม เอช บิ่ญเซือง 1–3 1–1 โฮม ยูไนเต็ด 2–1 วาเลนเซีย 4–1 3–1 คาชิวะ เรย์โซล 3–2 0–1 อันดับที่ 4 กว่างโจว 1–2 ช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ 0–2 2–3 บริสเบนรอร์ 0–0 (ต่อเวลา)(3–0 ลูกโทษ) กลุ่ม อี เวกัลตะ เซ็นได อันดับที่ 2 เอฟซีโซล 0–0 2–2 เจียงซู 2–0 รอบ 16 ทีมสุดท้าย บุนยอดกอร์ รอบก่อนรองชนะเลิศ Esteghlal ชานตงไท่ชาน 1–0 โปฮัง สตีลเลอร์ส เซเรโซ โอซะกะ 0–4 กลุ่ม เอฟ ซ็องนัม กว่างโจวซิตี 5–0 กัมบะ โอซากะ แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ รอบชิงชนะเลิศ เบืองเกตอังกอร์ 0–6 0–3 ซานเฟรชเช ฮิโรชิมะ ล้านช้าง ยูไนเต็ด กลุ่ม จี เชจูยูไนเต็ด เซเรซโซ โอซากะ 3–4 อูราวะ เรดไดมอนส์ เป่ย์จิงกั๋วอัน 2563 รอบคัดเลือกรอบ 2 โฮจิมินห์ซิตี เซี่ยงไฮ้พอร์ต 2565 แทกู 1–1 (ต่อเวลา)(2–3 ลูกโทษ) ผู้เล่น[แก้] ผู้เล่นชุดปัจจุบัน[แก้] หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น GK ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน MF ศศลักษณ์ ไหประโคน DF พรรษา เหมวิบูลย์ ธีราทร บุญมาทัน พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ฟีลิพ รูกิซ รัตนากร ใหม่คามิ FW ดียง กูลส์ ชิติพัทธ์ แทนกลาง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (กัปตันทีม) คาริส วุชกิช โกรัน เคาซิช ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา รีบีน ซูลากอ ลอนซานา ดูมบูยา 29 อาทิตย์ บุตรจินดา ภัทร สร้อยมาลัย 59 นพพล ละครพล อิรฟาน ดอเลาะ 66 ชญตว์ จันซุย 75 ภูมิวรพล วรรณบุตร 89 พงศกร หาญรัตนะ 92 ธวัชชัย อินทร์ประโคน 95 เสกสรรค์ ราตรี 99 โจนาธาน โบลิงกี ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว[แก้] ทินกร อสุรินทร์ (ไป ขอนแก่น ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) ชุติพนธ์ ทองแท้ (ไป พีที ประจวบ จนจบฤดูกาล) ชินวัฒน์ วงศ์ไชย (ไป พีที ประจวบ จนจบฤดูกาล) จักรกฤษ ลาภตระกูล (ไป พีที ประจวบ จนจบฤดูกาล) ยศพล เทียงดาห์ (ไป อยุธยา ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) แมกซ์ ปีเตอร์ ครีเวย์ (ไป โปลิศ เทโร จนจบฤดูกาล) 44 ดิเอโก บาร์ดังกา (ไป ชลบุรี จนจบฤดูกาล) 50 กฤษณะ ดาวกระจาย (ไป เกษตรศาสตร์ จนจบฤดูกาล) 53 ศราวุธ มั่นจิตร (ไป อ่างทอง จนจบฤดูกาล) ธีรภักดิ์ เปรื่องนา (ไป อยุธยา ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) 67 ธนดล ขาวสะอาด (ไป อยุธยา ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) กฤตภาส วิชัยดิษฐ (ไป คัสตอม ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) รณชาติ ภูชุม (ไป ยโสธร จนจบฤดูกาล) 82 ธนิศร ไพบูลย์กิจเจริญ (ไป อยุธยา ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) — คีรอน อ้อนชัยภูมิ (ไป ตราด จนจบฤดูกาล) ปัญญวัฒน์ นิสังรัมย์ (ไป บางกอก จนจบฤดูกาล) วรฤทธิ์ มุงคุณ (ไป สี่แคว ซิตี้ จนจบฤดูกาล) ธนวัฒน์ ทรายเพชร (ไป คัสตอม ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) พศวีร์ เหมือนมาตย์ (ไป คัสตอม ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) กิตติชัย ใยดี (ไป คัสตอม ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) อภิเดช จันทร์งาม (ไป พราม แบงค็อก จนจบฤดูกาล) ภูมินทร์ วิลเลี่ยม บูรส์ (ไป พราม แบงค็อก จนจบฤดูกาล) นวพรรษ เทียนไชย (ไป พราม แบงค็อก จนจบฤดูกาล) ภานุพงศ์ วงศ์พิลา (ไป พราม แบงค็อก จนจบฤดูกาล) วินัย เอี่ยมโอด (ไป พราม แบงค็อก จนจบฤดูกาล) ธรรมวัตร เย็นรัมย์ (ไป น่าน จนจบฤดูกาล) จักรภัทร บุญทิพย์ (ไป น่าน จนจบฤดูกาล) ธนโชติ พุกตื้อ (ไป น่าน จนจบฤดูกาล) ธนธรณ์ ประชานอก (ไป น่าน จนจบฤดูกาล) ชานนท์ ดวงศรี (ไป น่าน จนจบฤดูกาล) ฐภภพภณ บุตรแก้ว (ไป สุพรรณบุรี จนจบฤดูกาล) ผู้เล่นชุดเยาวชน[แก้] นิธิกร ศิริชู 70 วชิรวิทย์ สุภเลิศ 71 วีรวัฒน์ จันทา 72 ศักดินนท์ บุญเหลือ จักรภัทร บุญทิพย์ ศักดิเสกข์ โกศล รัชชานนท์ ธรรมส่องหล้า พีรวิชญ์ คิดรอบ จิรพงศ์ พึ่งวีรวงศ์ ชนสิษฎ์ เหมราช พรรธวัตร เขตชมภู ดุษฎี บูรณะจุฑานนท์ จิตติพัฒน์ สุขไสว วัชรพงษ์ โคตรบรรเทา จิรเมธ จันทร์งาม จิรพล แซ่ลิ้ว ธนกฤต โชติเมืองปัก โชติกะ เหมือนตา ณัฐดนัย อู่นาท วรฤทธิ์ มุงคุณ กฤตภาส หนูแย้ม รัฐภูมิ พานเขจร ณัฐปคัลภ์ พรมทองมี บุคลากร[แก้] ผู้บริหาร[แก้] ประธานสโมสร เนวิน ชิดชอบ รองประธานสโมสร กรุณา ชิดชอบ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด กนกศักดิ์ ปิ่นแสง ผู้จัดการทีม บริพัทธ์ สูนรอด ผู้อำนวยการสายงานบัญชีและการเงิน อุสา สุวรรณชาตรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ ประมูลชัย นพสุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร ศศิรดา สุทธิลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าที่ระลึก ชิดชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเยาวชน ชนม์ชนก ชิดชอบ แพทย์ประจำสโมสร ผศ.
ไฮลักซ์ รีโว่ ไทยลีก 2022/23 - Buriram United
2555 นายเนวินได้เปิดแถลงข่าวว่า ได้ซื้อหุ้นอีก 30% ของสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาบริหารจัดการเองทั้งหมด รวมทั้งสิทธิทั้งหมดในนามการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จากนั้นจะเปลี่ยนชื่อทีมเป็น "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ตามแผนเดิม ส่วนสิทธิการเล่นในไทยพรีเมียร์ลีกของบุรีรัมย์ เอฟซีนั้น จะโอนให้กับ สงขลา เอฟซี ของนายนิพนธ์ บุญญามณี ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้น จะไม่มีการส่งทีมเข้าแข่งขันรายการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอีกต่อไป [15] ในฤดูกาล 2555 บุรีรัมย์จบอันดับ 4 ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 และคว้าแชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2555 ด้วยการชนะอาร์มี่ ยูไนเต็ด ไป 2–1 ซึ่งได้สิทธิไปเล่น เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 รอบคัดเลือก[16] และคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2555 ด้วยการชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ไป 4–1[17] ซึ่งเป็นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยและบุรีรัมย์ยูไนเต็ดสามารถป้องกันแชมป์ทั้งสองรายการได้อีกหนึ่งสมัยอีกด้วย ในฤดูกาล 2556 บุรีรัมย์จบอันดับ 1ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2556 และคว้าแชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2556ด้วยการชนะ สโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส ไป 3–1 ซึ่งได้สิทธิไปเล่น เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม[18] และคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2556สมัยที่3 ด้วยการชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ไป 2–1[19] ซึ่งเป็นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยและบุรีรัมย์ยูไนเต็ดสามารถป้องกันแชมป์ทั้งสองรายการได้อีกหนึ่งสมัยอีกด้วย เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม ในฤดูกาล 2557 บุรีรัมย์คว้าแชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก.
งานแสดงเกี่ยวกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด - Thaiticketmajor.com
2555ชนะเลิศ ไทยคม เอฟเอคัพ 2555ชนะเลิศ โตโยต้า ลีกคัพ 2555ชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน ก. 2556 สกอตต์ คูเปอร์ 2 พฤษภาคม 2556 – 10 กันยายน 2556 อาเลคันโดร เมเนนเดส การ์ซีอา 10 กันยายน 2556 – 11 เมษายน 2557 ชนะเลิศ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2556ชนะเลิศ ไทยคม เอฟเอคัพ 2556ชนะเลิศ โตโยต้า ลีกคัพ 2556ชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน ก. 2557ชนะเลิศ โตโยต